การปรับกลยุทธ์ของเอสวีโอเอ เพื่อเข้ากับสถานการณ์โลกธุรกิจไอที 2012
การปรับกลยุทธ์ของเอสวีโอเอ
เพื่อเข้ากับสถานการณ์โลกธุรกิจไอที 2012
ในรอบปีที่ผ่านมา สถานการณ์จากอุทกภัยในประเทศไทย หรือแม้กระทั่งวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจทั่วโลก ส่งผลทำให้บริษัทด้านไอที หลาย ๆ แห่งจำเป็นต้องปรับกลยุทธ์ เพื่อพัฒนาขีดความสามารถและศักยภาพของตนเองให้มากขึ้น สำหรับบริษัทเอสวีโอเอ จำกัด (มหาชน) ซึ่งคว่ำหวอดอยู่ในวงการไอทีมายาวนานและเข้าสู่ปีที่ 30 ในปีนี้ หนึ่งในผู้นำช่องทางการจัดจำหน่ายและการบริการ รวมถึงเป็นผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ไทย แบรนด์ “SVOA” ได้ปรับช่องทางการทำธุรกิจ เพื่อให้สอดคล้องกับการทำธุรกิจไอทีในยุคปัจจุบัน โดยเน้นการทำธุรกิจที่หลากหลายมากขึ้น แบ่งออกเป็น 2 ส่วนงาน คือ 1.ธุรกิจช่องทางการจัดจำหน่าย ซึ่งจะมีลักษณะการเป็นตัวแทนจำหน่ายและกระจายสินค้าไอทีให้กับแบรนด์ต่างๆ โดยนำสินค้าจากแบรนด์อื่น ๆ มาจัดจำหน่าย โดยขณะนี้เอสวีโอเอได้สิทธิ์เป็นตัวแทนจำหน่ายให้กับแบรนด์สินค้าไอทีชั้นนำต่างๆ มากกว่า 20 แบรนด์ดัง โดยจำหน่ายสินค้าไอทีเกือบทุกชนิด อาทิ โน้ตบุ๊ก , จอมอนิเตอร์ , พริ้นเตอร์ , โปรเจ็คเตอร์, ชิ้นส่วนอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ เป็นต้น ผ่านตัวแทนจำหน่ายของเอสวีโอเอ ที่มีทั่วประเทศกว่า โดยกลยุทธ์การสร้างพันธมิตรทางธุรกิจของเอสวีโอเอ ยังคงเปิดกว้างให้กับผู้ผลิตสินค้าไอทีทุกแบรนด์และตั้งเป้าหมายที่จะก้าวไปเป็นอันดับหนึ่งในผู้นำในตลาดช่องทางการจัดจำหน่ายและการบริการ
ในส่วนที่ 2. คือ ธุรกิจบริการหลังการขาย เอสวีโอเอมี ทีมเซอร์วิส ที่เข้มแข็งคอยให้คำปรึกษาและบริการประมาณ 400 กว่าคน โดยรับงานบริการให้ลูกค้าได้ทุกแบรนด์ที่เป็นเซอร์วิสโพรไวเดอร์ที่เข้ามาในประเทศไทยทั่วประเทศ และลูกค้าที่มาจากศูนย์ซ่อมมาตรฐาน I Fix ในไอทีซิตี้ทุกสาขา นอกจากนี้ยังจะขยายการบริการออกไปในกลุ่มคอนซูมเมอร์โปรดักส์และเน็ตเวิร์คกิ้งโปรดักส์ รวมถึงการให้บริการ “SVOA ONSITE SERVICE” โดยร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ที่ขายงานประมูลคอมพิวเตอร์ให้กับหน่วยงานราชการ สถาบันการศึกษา หรือภาคเอกชนต่าง ๆ ที่ต้องการตัวแทนบริการและติดตั้งเครื่องคอมพิวเตอร์ ก็สามารถเรียกใช้บริการได้ทั่วประเทศ และบริการ Onsite ในปัจจุบันมีทั้งดูแลงานโครงการที่ทางเอสวีโอเอจำหน่ายเอง และรับบริการจากคู่ค้า โดยจะให้บริการวางระบบติดตั้งและดูแลงานบริการให้กับออฟฟิศ องค์กรหน่วยงานเอกชนและหน่ายงานราชการต่างๆ ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดรวมประมาณ 300 โครงการ
นอกจากเอสวีโอเอ จะเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้กับเจ้าหน้าที่ช่างแล้ว เอสวีโอเอยังนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยให้การทำงานสะดวก รวดเร็ว แม่นยำขึ้น โดยใช้วิธีการทำงานผ่านสมาร์ทโฟน ซึ่งสามารถเชื่อมต่อข้อมูลออนไลน์กับบริษัทเจ้าของผลิตภัณฑ์ เพื่อเช็คปัญหาอาการเสียของผลิตภัณฑ์ในเบื้องต้น การประสานงานกับลูกค้าและการรายงานสถานะงานกับต้นสังกัดได้ตลอดเวลาในขณะปฏิบัติงาน โดยวางเป้าหมายให้เอสวีโอเอเป็นผู้ให้บริการรายแรกที่ให้บริการแบบ Real Time เพื่อลดขั้นตอนการทำงานของเจ้าหน้าที่ช่าง
“ระบบ SVOA Pro Service ถูกพัฒนาขึ้นและเริ่มใช้แล้ว จากเดิมที่เอสวีโอเอ มีงานบริการด้านการซ่อม 300-400 งานต่อวัน ทำให้ต้องพัฒนาศักยภาพโดยนำระบบอุปกรณ์ไอทีสมาร์ทโฟนมาใช้ และพัฒนาเวบแอพลิเคชั่นในการเชื่อมระบบระหว่างลูกค้า องค์กรและเจ้าของโปรดักส์ ทำให้ช่างทำงานได้สะดวกขึ้น ลดเวลาการทำงานจากเดิมที่ต้องมาติดต่อส่วนกลาง ซึ่งวิธีการนี้ช่างจะไปถึงหน้างานและทราบข้อมูลของลูกค้าผ่านทางสมาร์ทโฟน ทำให้สามารถบริหารเวลาและจัดเตรียมอุปกรณ์ อะไหล่ พร้อมให้บริการได้ทันที และในส่วนขององค์กรส่วนกลางจะทราบได้ว่าช่างไปถึงลูกค้าเรียบร้อยหรือยัง ยังเหลืองานอีกกี่งาน เมื่อช่างทำงานเสร็จ ก็จะส่งงานกลับไปที่ส่วนกลาง แล้วส่วนกลางก็จะติดต่อกลับลูกค้าว่าจัดการกับงานเรียบร้อยแล้ว และข้อมูลก็จะส่งกลับไปที่แบรนด์สินค้าของลูกค้า” นายวีระ อิงค์ธเนศ กรรมการผู้จัดการบริษัท เอสวีโอเอ จำกัด(มหาชน) กล่าวและว่า ระบบ SVOA Pro Service ของเอสวีโอเอ จะพัฒนาต่อไปจนถึงขั้นของการเช็คว่าช่างว่างหรือไม่ว่าง ทำให้การทำงานสะดวกและรวดเร็วขึ้น และหากมีปัญหาอะไร ช่างก็สามารถหาข้อมูลได้จากสมาร์ทโฟน และแก้ปัญหาที่ไซต์งานได้ หรือหากกรณีสื่อสารข้อมูลไม่ตรงกัน ถือเป็นการทำงานแบบเรียลไทม์และมีประสิทธิภาพมากขึ้น และยังจะพัฒนาแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟนต่อไปเรื่อย ๆ
ปัจจุบันเอสวีโอเอมีช่างผู้ชำนาญการกว่า 400 คน และทุกคนจะมีสมาร์ทโฟนตัวนี้ โดยได้เริ่มทยอยนำมาใช้เพื่อให้บริการอย่างเป็นทางการ การนำเทคโนโลยีมารองรับกับงานด้านบริการ ทำให้เอสวีโอเอมีความเข้มแข็งทางด้านธุรกิจ และได้รับความไว้วางใจจากลูกค้า รวมถึงพาร์ทเนอร์ที่เป็นพันธมิตรกับเอสวีโอเอ ก็มีความพึงพอใจกับการให้บริการของเอสวีโอเอ ...จึงเป็นอีกช่องทางธุรกิจหนึ่ง ที่สามารถสร้างฐานลูกค้าได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน
